เพราะคุณค่าจากน้ำนมแม่ที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์สารอาหารที่มีครบถ้วน เพื่อพัฒนาลูกน้อยรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านความฉลาด การเติบโตแข็งแรง อารมณ์ดีมีความสุข ขับถ่ายง่าย แถมนมแม่ยังมีสารสร้างภูมิคุ้มกันมากมาย ทำให้ลูกน้อยไม่เจ็บป่วยง่ายอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้คุณแม่ทุกท่านจึงปรารถนาจะให้ลูกน้อยได้รับคุณค่าอันมหัศจรรย์จากน้ำนมแม่อย่างเต็มที่ไปจนโต หรือให้นมลูกได้นานที่สุด โดยคุณแม่หลังคลอดส่วนใหญ่ นอกจากจะให้นมแม่จากเต้าโดยตรงกับลูกน้อยแล้ว เชื่อว่าเกือบทุกคน โดยเฉพาะคุณแม่เวิร์กกิ้งมัม จะต้องทำสต๊อกน้ำนมแม่เก็บแช่แข็งหรือแช่เย็นไว้ เพื่อให้ลูกรักยังได้กินนมแม่ตลอดเวลา แม้จะต้องออกไปทำงานนอกบ้าน
แต่มีคุณแม่มือใหม่หลายท่านที่ยังไม่มั่นใจหรือกังวล กับการละลายนมแม่ที่แช่แข็งมาใช้ เพราะไม่แน่ใจว่าวิธีการไหนจะสะดวก สะอาด ปลอดภัย แต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียอย่างไร และทำแบบไหนจะไม่เสียคุณค่าน้ำนมแม่ ดังนั้นอยากรู้ว่าแต่ละ วิธีละลายน้ำนมแม่ แตกต่างกันอย่างไรไปดูกันค่ะ
ก่อนอื่น ให้เปลี่ยนช่องแช่ เพื่อละลายนมแม่ก่อน
หากคุณแม่เก็บน้ำนมแม่ไว้ในช่องแช่แข็ง จำเป็นต้องนำนมแม่เปลี่ยนมาแช่ที่ช่องแช่เย็นธรรมดาด้านล่างก่อนประมาณ 1 วันหรือ 1 คืน เพื่อให้นมแม่ค่อยๆ ละลาย ควรนำนมเก่าที่แช่แข็งไว้ตามวันเวลาที่เก็บสต๊อกไว้นานที่สุดก่อน เพื่อไม่ให้นมเก่า เก็บไว้นานเกินไป แล้วจึงทยอยนำนมใหม่มาใช้ไล่ตามเวลาไปเรื่อยๆ
เมื่อนมแม่ละลายแล้ว คุณแม่ควรแบ่งนมแม่จากถุงเก็บน้ำนมใส่ขวดนม แบ่งปริมาณที่ลูกกินเฉพาะมื้อนั้นๆ แล้วจึงนำมาอุ่นหรือละลายก่อนให้ลูกกิน ซึ่งนมที่เหลือในถุงเก็บน้ำนมสามารถแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดาให้ลูกกินให้หมดภายใน 2-3 วัน เท่านั้น แต่ส่วนใหญ่คุณแม่มักจะนำมาอุ่นหรือละลายให้ลูกกินในมื้อถัดไปภายในวันเดียว หรือ 24 ชั่วโมง
วิธีละลายน้ำนมแม่ ด้วยการวางทิ้งไว้เฉยๆ
คือการนำนมออกมาจากตู้เย็น และมาวางไว้ที่อุณหภูมิห้อง โดยคุณแม่ต้องหาภาชนะมาใส่และวางไว้ในจุดที่ทำให้ไม่ลืมได้ง่ายๆ
ข้อดี
- สะดวก วางบนโต๊ะหรือที่ไหนก็ได้ คุณแม่ไปทำธุระอย่างอื่นได้
ข้อเสีย
- นมแม่อาจถูกทิ้งไว้นานเกินไป โดยเฉพาะหากนำถุงเก็บน้ำนมออกมาวางทิ้งไว้ เพราะนมที่เก็บในถุงเก็บจะละลายเร็วกว่าในขวดหรือภาชนะอื่นๆ
- ใช้เวลานาน จนคุณแม่อาจลืม จนทำให้นมแม่เสียได้
- นมแม่มีอาจกลิ่นหืน และมีชั้นไขมันแยกตัว ต้องเขย่าให้ลูกก่อนกิน
- ต้องนำขวดนมใส่ภาชนะ หรือวางบริเวณที่มั่นใจว่าสะอาดปลอดภัย ไม่มีสิ่งสกปรกปนเปื้อน หรือมีแมลงวันมาตอมขวดนม
วิธีละลายน้ำนมแม่ ด้วยการนำไปแกว่งในน้ำ หรือน้ำอุ่น
คือการนำนมแม่ไปแช่หรือแกว่งไว้ในถ้วยที่ใส่น้ำธรรมดาอุณหภูมิห้อง หรือน้ำอุ่น จนนมแม่หายเย็น โดยต้องหาภาชนะที่สะอาดปลอดภัย และน้ำที่แช่ต้องมั่นใจว่าสะอาด ปลอดภัย และเช็ดน้ำออกก่อนนำขวดนมให้ลูกกินด้วย
ข้อดี
- นมแม่ละลายเร็ว เขย่าแล้วให้ลูกกินได้ทันที
ข้อเสีย
- ต้องระวังเรื่องการใช้น้ำที่ร้อนเกินไปมาแช่น้ำนมแม่ เพราะความร้อนจะไปทำลายสารอาหารที่สำคัญต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโตของลูก และทำให้สารสร้างภูมิคุ้มกันต่างๆ ลดลง
- หากปล่อยนมแช่ไว้ อาจลืมเวลาจนนานเกินไป ทำนมแม่เสียได้
- ใส่ใจเลือกภาชนะใส่ขวดนมที่สะอาดปลอดภัย ไม่มีสิ่งสกปรก สารอันตราย มีแมลง หรือสัตว์มาตอม
- ระวังเรื่องความสะอาดของน้ำที่แช่ขวดนม เพราะหากน้ำที่แช่ขวดนมลูกไม่สะอาด เวลาทีคุณแม่หยิบให้ลูกกินนมเลย โดยที่ไม่ได้เช็ดขวดนมก่อน หรือไม่ได้ใช้น้ำอุ่นที่เป็นน้ำต้มสุก ลูกอาจได้กินน้ำที่ไม่สะอาดปนเปื้อนเข้าไปในร่างกาย จนเจ็บป่วย ท้องเสียหรือไม่สบายได้
วิธียอดฮิต ละลายน้ำนมแม่โดยใช้เครื่องอุ่นนม
ซึ่งเครื่องอุ่นนมในปัจจุบันที่คุณแม่มักนิยมใช้ โดยเฉพาะเครื่องอุ่นนมและอาหารเด็ก Baby Bottle Warmer & Sterilizer จะเป็นตัวช่วยอำนวยความสะดวกคุณแม่ได้มากในการเลี้ยงลูก เพราะสามารถอุ่นนม ละลายน้ำแข็ง อุ่นอาหารให้ลูก และยังสามารถฆ่าเชื้อขวดนมได้อีกด้วย
ข้อดี
- สะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลา ใช้งานได้ทีเดียว 2 ขวด ไม่เสียเวลารอนาน คุณแม่สามารถไปทำธุระ หรือทำงานอย่างอื่นได้
- มีสัญญาณช่วยเตือนคุณแม่ให้ไม่ลืมนมลูกทิ้งไว้
- ปรับลดหรือเพิ่มอุณหภูมิได้ตามต้องการ ทำให้คุณแม่ควบคุมอุณหภูมิในการอุ่นนมหรือละลายน้ำนมไม่ให้ร้อนเกินไป จนเสียคุณค่าสารอาหารในนมแม่ รวมถึงน้ำนมไม่ร้อนจนลวกปากลูก
- เพราะมีฟังก์ชั่นหลากหลายให้ใช้งาน ทั้งการอุ่นนมหรือ Warm ตามอุณหภูมิที่ต้องการสามารถรักษาระดับความร้อนได้คงที่ยาวนานถึง 24 ชั่วโมง และ Defrost ที่ช่วยละลายนมที่ใช้เวลาเริ่มต้นเพียง 4 นาที ทำให้คุณแม่นำนมมาให้ลูกกินได้ในช่วงเวลาเร่งรีบ ไม่ต้องนำลงมาทิ้งไว้ในช่องเย็นธรรมดานานถึง 1 วัน
- มั่นใจในความสะอาด ปลอดภัย เพราะมีระบบ STERILIZE ฆ่าเชื้อโรคขวดนมและจุกนมด้วยไอน้ำความร้อนสูง 100° เพื่อความสะอาด ปราศจากเชื้อโรค ก่อนจะนำนมแม่มาอุ่น หรือใส่ให้ลูกกิน พร้อมทั้งไม่มีการใช้สาร Bisphenol A ในการผลิต (BPA Free) จึงไม่เป็นอันตรายเมื่อนำมาใช้งานกับของใช้ลูกน้อย
- ใช้งานง่าย ด้วยระบบสัมผัส และแสดงผลแบบดิจิตอล คุณแม่สามารถเห็นอุณหภูมิ การทำงาน และเวลาต่างๆ ได้ทันที
- คุ้มค่า ซื้อแล้วใช้ได้นาน มีขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา สามารถพกพาไปใช้งานได้ทุกที่ แม้ต้องเดินทางไกล
- มีส่วนช่วยรักษารสชาติ และกลิ่นของน้ำนมแม่ไม่ให้เปลี่ยนหรือหืนมากเกินไป
ข้อเสีย
- ต้องใช้ไฟฟ้าในการทำงาน
เมื่อคุณแม่รู้แล้วว่า แต่ละวิธีการละลายน้ำนม มีข้อดีข้อเสียอย่างไร ก็ลองเลือกใช้ดูว่าวิธีไหนเหมาะสมกับบ้านเรา และช่วยให้คุณแม่ให้นมลูกน้อยได้มีความสุข สะดวก สะอาด ปลอดภัย ให้ลูกได้คุณค่าจากนมแม่มากที่สุด