การให้ลูกน้อยทารกนอนเปล เพื่อช่วยให้ลูกน้อยนอนหลับง่าย และนอนหลับนาน ถือเป็นภูมิปัญญาที่ตกทอดกันมาอย่างยาวนานในบ้านเรา ซึ่งสมัยก่อนพ่อแม่ปู่ย่าก็ใช้เปลญวน เปลผ้าขาวม้า ผูกให้ลูกแล้วไกวนอน จนปัจจุบันการใช้เปลไกว ได้พัฒนาออกมามากมายหลายระบบ ทั้งระบบที่ต้องใช้แรงคนไกวหรือไกวมือ เปลไกวไฟฟ้า แบบมีล้อเคลื่อนที่ได้ เปลลูกกรงตั้งอยู่กับที่ และเปลไกวอัตโนมัติ ที่สามารถตั้งเวลาและระดับการไกวได้อย่างแสนสะดวก แต่ก็เพราะการมีเปลไกวหลายระบบ หลายแบบให้คุณแม่เลือกในยุคนี้ ทำให้มีคำถามว่าควรจะเลือกเปลไกวแบบไหน แถมยังมีทั้งแบบที่ไกวไปด้านหน้า-หลัง และไกวแบบด้านข้างซ้าย-ขวา จึงอยากจะรู้ว่าสองแบบนี้แตกต่างกันแค่ไหน อย่างไรบ้าง ? เราลองมาอ่านข้อมูลกันค่ะ
ให้ลูกนอนเปลดีไหมนะ?
ดีแน่ค่ะ…การให้ลูกเล็กนอนเปลมีข้อดีมากมาย เพราะมีข้อมูลบอกไว้ว่าการแกว่งของเปล จะทำให้ลูกน้อยเบบี๋รู้สึกสบาย อบอุ่นและผ่อนคลาย คล้ายกับตอนที่ลูกยังอยู่ในครรภ์คุณแม่ เป็นอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ช่วยให้คุณแม่ไกวเปลกล่อมลูกน้อยนอนหลับ โดยที่คุณแม่ไม่ต้องอุ้มกล่อมลูกน้อยนานๆ ให้เมื่อยแขนหรือเดินจนเมื่อยขา ช่วยทำให้ลูกนอนง่าย นอนหลับได้ยาวนาน ลดอาการงอแงและไม่ทำให้ลูกน้อยเครียด นอกจากนี้ยังมีข้อมูลที่บอกว่า การให้ลูกนอนเปลไว สามารถช่วยเสริมสร้างพัฒนาการให้ลูกน้อยได้ อาทิ
- ทำให้ลูกนอนหลับได้สนิทและยาวนาน ส่งผลให้ฮอร์โมนเพื่อการเจริญเติบโตหรือ Growth Hormone หลั่งได้ดี
- เมื่อลูกน้อยตื่นนอนมา มักจะอารมณ์ดี ร่าเริงแจ่มใส เพราะได้นอนเต็มที่อย่างมีความสุข
- ขณะที่ลูกน้อยนอนเปลที่แกว่งไกว ทำให้น้ำในหูมีการไหลเวียน ส่งผลดีต่อการทรงตัว
- ลูกน้อยรู้สึกสนุก เพลิดเพลิน ร่างกายได้เคลื่อนไหวเหมือนคุณแม่อุ้มโยกเห่กล่อมรวมถึงข้อดีสำหรับคุณแม่ในเรื่องช่วยทุ่นแรงในการแกว่งไกวลูก ช่วยให้คุณแม่ได้นอนหลับ พักผ่อน หรือมีเวลาทำกิจวัตรส่วนตัว กิจกรรมที่ชอบได้ในช่วงที่ลูกนอนเปลด้วย
ส่วนข้อเสียน่าจะมีเพียงแค่ลูกอาจจะติดการนอนเปล แต่ก็สามารถแก้ไขได้ไม่ยากหากคุณแม่มีเปลไกวที่เคลื่อนย้ายหรือพับเก็บได้ หรือบางท่านคิดว่าการให้ลูกนอนเปลจะทำให้ลูกหัวแบนอันนี้ก็แก้ได้ ด้วยการเมื่อลูกหลับอาจจะขยับเปลี่ยนท่านอนเป็นตะแคงข้าง และส่วนใหญ่การให้ลูกนอนเปลมักจะอยู่ในช่วงที่ลูกอายุไม่เกิน 5-6 เดือนเท่านั้น เพราะพอลูกโตขึ้น ก็มักจะพลิกคว่ำหงายและปีนป่ายเปล จนเป็นอันตรายได้
เลือกเปลต้องดูให้ละเอียดทุกด้าน
การเลือกเปลให้ลูกน้อยคุณแม่ต้องพิจารณาอย่างละเอียด ทั้งด้านวัสดุที่ใช้ การออกแบบมาให้เหมาะสมกับสรีระเด็ก และการแกว่งไกวที่ปลอดภัย นุ่มนวล มีการติดตั้งที่ปลอดภัย มีฐานที่มั่นคงไม่พลิกคว่ำได้ ข้อต่ออุปกรณ์ต่างๆ มีความมั่นคงแข็งแรงคุณภาพดี ไกวแล้วไม่หลุดหรือเลื่อนจนทำลูกตก มีราวกันตก ตาข่ายหรือซี่ลูกกรงที่มีความถี่ ลูกไม่สามารถเอาศีรษะลอดออกมาได้ มีเข็มขัดนิรภัยล็อกตัวลูกน้อย รวมถึงเลือกยี่ห้อที่มีมาตรฐาน เชื่อถือได้ รวมถึงอาจคำนึงถึงการเคลื่อนย้ายง่าย เผื่อกรณีลูกติดเปลก่อนนอน จะได้นำไปใช้ได้สะดวกขึ้น
เปลไกวแบบ หน้า-หลัง & ซ้าย-ขวา ต่างกันอย่างไร?
เปลไกวหน้า-หลัง
คือเปลที่มีการไกวหรือโยกแกว่งไปทางด้านศีรษะ และปลายเท้าของลูก ลักษณะขึ้นลงไปมา มักใช้ในเด็กเล็กประมาณไม่เกิน 4-5 เดือน ซึ่งเปลไกวอัตโนมัติแบบโยกหน้า-หลังนี้ เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะมีขนาดไม่ใหญ่มาก มีการออกแบบที่โอบกระชับตัวลูกเบบี๋ และการไกวเปลแบบขึ้นลง เป็นการโยกไกวตามหลักแรงโน้มถ่วง ที่คล้ายกับการโยกเคลื่อนไหวเดินไปมาของแม่ ในช่วงที่ลูกน้อยอยู่ในท้องคุณแม่ช่วงตั้งครรภ์
นอกจากนี้การที่เปลไกวโยกหน้า-หลัง ยังคล้ายการที่คุณแม่อุ้มลูกน้อยอยู่ในอ้อมแขนแล้วโยกไปมา คือคุณแม่อุ้มลูกแล้วโยกจะขยับแขนขึ้นลงซ้ายไปขวาของลำตัวคุณแม่ แต่ลำตัวลูกน้อยจะเคลื่อนหน้า-หลัง คล้ายชิงช้าหน้าไปหลัง จึงช่วยให้ลูกน้อยรู้สึกปลอดภัย ผ่อนคลาย และคุ้นเคย ทำให้ลูกนอนหลับได้สบายและนานขึ้น ส่วนคุณแม่ก็มีเปลเป็นตัวช่วย ไม่ต้องผลัดกับคุณพ่อหรือคนในบ้านไกวลูก และไม่ต้องอุ้มลูกกล่อมเองตลอดเวลา และข้อดีอีกอย่างคือ มีขนาดไม่ใหญ่หรือกว้างมาก ไม่ต้องใช้พื้นที่ด้านข้างในการตั้งหรือไกว เหมือนเปลไวแบบซ้าย-ขวา
เปลไกวแบบหน้า-หลังยุคใหม่ จะออกแบบมาให้ลูกนอนสบาย ไม่อึดอัด เพราะมักจะไม่มีซี่กรงบดบังสายตาหรือมีซี่กรงที่เสี่ยงทำให้อวัยวะบางส่วนของลูกลอดไปติดขัดได้ พร้อมกับมีเข็มขัดนิรภัยหลายจุดเพื่อความปลอดภัยที่ทำให้คุณแม่มั่นใจยิ่งขึ้น
เปลไกวซ้าย-ขวา
เป็นเปลไกว ที่มีการไกวงแบบดั้งเดิม เหมือนเปลญวน เปลผ้าขาวม้าที่ใช้กันมานาน คือการแกว่งไกวไปด้านข้าง ด้านซ้ายและด้านขวาของลำตัวลูก เปลไกวแบบนี้ปัจจุบันมีให้เลือกมากมาย ทั้งแบบใช้แรงมือคนไกว และเปลไฟฟ้าที่ไกวอัตโนมัติ ซึ่งลักษณะการไกวด้านข้างแบบนี้ จะแตกต่างกับการไกวแบบหน้า-หลัง เพราะตัวของลูกน้อยจะไม่ได้เคลื่อนแบบบนลงล่าง แต่ละเอนซ้ายทีขวาที ช่วยแกว่งไกวให้ลูกน้อยนอนได้เช่นเดียวกัน
เปลไกวซ้าย-ขวาส่วนใหญ่ จะมีขนาดใหญ่ ต้องใช้พื้นที่ในการติดตั้งและเคลื่อนย้าย อาจต้องใช้พื้นที่ด้านข้างเว้นระยะให้กับเปลในเวลาที่แกว่งไกว เพื่อไม่ให้ตัวเปลไปกระทบหรือโดนเฟอร์นิเจอร์ หรือกระแทก จนลูกสะดุ้งตกใจและบาดเจ็บจากการแรงกระแทกได้ นอกจากนี้เปลไกวแบบซ้าย-ขวา จะมีทั้งแบบ ที่มีซี่ลูกกรงที่อาจทำให้อวัยวะบางส่วนของลูกไปติดหรือลอดจนทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ และรุ่นสมัยใหม่ที่กั้นขอบเตียงด้านข้างด้วยผ้าตาข่าย ที่ปลอดภัยกว่า และระบายอากาศได้ดี ดังนั้นหากจะเลือกใช้ควรพิจารณาเลือกที่ได้คุณภาพมาตรฐาน เพื่อป้องกันอันตรายทุกด้านให้ลูก
แต่ข่าวดีสำหรับคุณแม่ยุคใหม่ คือเดี๋ยวนี้มีเปลไกวไฟฟ้าอัตโนมัติ ที่ไกวได้ทั้งแบบหน้า-หลัง และด้านข้างซ้าย-ขวา ขึ้นอยู่กับการเลือกสรรของคุณแม่ว่าชอบและสะดวกต้องการใช้แบบไหน ข้อสำคัญคือควรเลือกการไกวของเปลอัตโนมัติที่มีความนุ่มนวล มีจังหวะสม่ำเสมอไม่รุนแรง ไม่ติดขัด ไม่มีเสียงดัง และไม่ทำให้ลูกน้อยรู้สึกเวียนศีรษะ เท่านี้ลูกน้อยก็นอนหลับพริ้มได้ง่าย แฮปปี้กันไปแม่ลูก ^_^