10 วิธีทำให้ลูกฉลาดรอบรู้

เลี้ยงลูกให้มีความสุข เด็กที่มีความสุขคือเด็กที่รู้สึกปลอดภัย มั่นคง ทั้งในด้านอารมณ์ความรู้สึก และสิ่งแวดล้อมภายนอก เด็กที่มีความสุขจะรู้ว่าตนเองมีคุณค่าในแบบที่ตัวเองเป็น พ่อแม่สามารถเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กที่มีความสุขได้โดยการใช้เวลากับลูกให้มากๆ รู้จักสื่อสารพูดคุยกับลูก และสอนให้ให้ลูกรู้จักภาคภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น การซื้อของและสมัครเรียนเสริมนอกเวลาให้ลูก ไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่าความสุข ถ้าอยากให้ลูกมีความสุข คุณเองควรใช้เวลากับลูกให้มากขึ้นมากกว่า ออกไปเรียนรู้โลกกว้าง อีกหนึ่งวิธีที่จะเลี้ยงลูกให้มีความรอบรู้คือ การพอลูกออกไปท่องโลกกว้าง หรือชวนทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ใช่ให้พวกเขาอยู่แต่ในบ้านอย่างเดียว กิจกรรมที่น่าสนใจ และทำให้ลูกได้ประสบการณ์ใหม่ๆ นั้นมีมากมาย ยกตัวอย่างเช่น งานอาสาสมัคร ไปทำบุญที่วัด เล่นกีฬาที่สโมสรในหมู่บ้าน พาลูกไปซื้อของที่ตลาด เป็นต้น สอนให้ลูกเป็นคนรักการเรียนรู้ พยายามกระตุ้นให้ลูกเป็นเด็กที่รักการเรียนรู้ และทำให้การเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวด้วย คุณอาจกระตุ้นการเรียนรู้ให้กับลูกผ่านการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การท่องเที่ยวตามธรรมชาติ พาลูกไปพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น ชวนลูกอ่านนิทาน ชวนลูกดูภาพยนตร์ด้วยกัน เป็นต้น สอนให้รู้จักเคารพผู้อื่น การรู้จักเคารพผู้อื่น เป็นหนึ่งในรากฐานสำคัญ หรือที่มาของคุณธรรมในตัวเด็ก เด็กที่ถูกเลี้ยงให้รู้จักเคารพกฎเกณฑ์ เคารพตนเอง เคารพผู้อื่น รวมถึงเคารพสิทธิของคนรอบข้าง จะเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่เป็นคนดีและมีคุณธรรม การสอนเรื่องความเคารพให้กับลูกตั้งแต่ยังเด็กจึงนับเป็นเรื่องที่สำคัญมาก สอนให้ลูกรู้จักเชื่อฟังพ่อแม่ วิธีง่ายที่สุดในการสอนให้ลูกเป็นเด็กที่รู้จักเชื่อฟังพ่อแม่ คือ ความสม่ำเสมอและความยุติธรรม อย่าทำให้ลูกสับสนด้วยการอนุญาตให้ลูกทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งในวันนึง แต่พออีกวันกลับห้ามทำ และคุณต้องปฏิบัติกับลูกทุกคนอย่างเท่าเทียมกันด้วย เช่น […]

กรนและหยุดหายใจยิ่งอันตรายตอนท้อง

การนอนกรนของแม่ท้อง เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางสรีระ เช่น ท้องโตขึ้น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย การสูบฉีดเลือด ระบบไหลเวียนของเลือด รวมทั้งการเต้นของหัวใจ ซึ่งการสูบฉีดไหลเวียนเลือดที่มากขึ้น จะไปกระตุ้นเส้นเลือดในโพรงจมูก ทำให้มีภาวะบวมน้ำส่งผลให้เวลานอน จะรู้สึกหายใจไม่สะดวก และเกิดเสียงกรนนั่นเอง ประกอบกับลักษณะการนอนของคุณแม่ตั้งครรภ์นั้น ช่วง 3 เดือนแรก ของการตั้งครรภ์ คุณแม่จะนอนมากกว่าปกติ แต่ประสิทธิภาพ การนอนลดลง ช่วงหลับลึกและหลับฝันน้อยลง ทำให้ง่วงบ่อยและงีบในตอนกลางวัน ต่อมาช่วงอายุครรภ์ 4-6 เดือน คุณแม่จึงจะเริ่มนอนเหมือนปกติ แต่ประสิทธิภาพการนอนจะยังไม่เหมือนเดิม ทำให้คุณแม่รู้สึกเหมือนนอนไม่เต็มอิ่ม พอเข้า 3 เดือนสุดท้ายก่อนคลอด อายุครรภ์ 6-9 เดือน คุณแม่จะนอนสั้นลง ประสิทธิภาพการนอนยิ่งแย่ลงไปอีกด้วย เพราะร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงเยอะ และเป็นช่วงที่คุณแม่นอนกรนมากขึ้น ทั้งนอนกรนผิดปกติ หรือภาวะหยุดหัวใจขณะหลับก็จะเกิดขึ้นในช่วงใกล้คลอดนี้ด้วย แม้โอกาสเกิดขึ้นจะมีน้อยก็ตาม 6 ปัจจัยเสี่ยงภาวะหยุดหายใจเพิ่ม หากคุณแม่เป็นหนึ่งในกลุ่มเสี่ยง ต้องติดตามและเฝ้าสังเกตอาการตัวเอง เพื่อป้องกันและรักษาต่อไป โดยกลุ่มเสี่ยงมีปัจจัยดังนี้ อ้วนก่อนท้อง น้ำหนักตัวเกินก่อนท้อง น้ำหนักเพิ่มมากเกินไประหว่างท้อง คือเพิ่มเกินกว่าเกณฑ์มาตรฐานของแม่ท้อง มีการสะสมไขมันที่รอบคอบมากเกินไป หรือเป็นคนคอสั้น มีความดันสูง […]

คุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการท้องผูกควรทำอย่าไรดี

ในช่วงที่คุณแม่เริ่มตั้งครรภ์มักมีการท้องผูก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทำให้ระบบการขับถ่ายเริ่มเปลี่ยนไปด้วย วิธีแก้ท้องผูกสำหรับคนท้องกับ 7 อาหารช่วยให้คุณแม่ท้อง หมดปัญหาเรื่องท้องผูกอีกต่อไป ตำลึง เป็นผักไม้เลื้อยที่ปลูกง่ายมีขายทั่วไปที่สำคัญนำมาปรุงอาหารจานอร่อยก็แสนจะง่าย เช่น แกงจืดตำลึง ตำลึงผัด น้ำมันหอย เป็นต้น และอย่างที่รู้ดีว่า ผักใบเขียวเป็นแหล่งสารอาหารสำคัญอย่างเบต้าแคโรทีนที่มีส่วนในการบำรุงสายตาและมีเส้นใยอาหารอยู่มากด้วยค่ะ กุยช่าย เพราะเป็นผักที่มีกลิ่นแรงคะแนนความนิยมอาจไม่มากแต่ประโยชน์ทางสารอาหารสิ่งที่ได้เรียกว่ามากโขค่ะ ไม่ว่าเบต้าแคโรทีน แคลเซียม คาร์โบไฮเดรต และฟอสฟอรัส มีเส้นใยอาหารที่ดีต่อระบบการย่อยอาหาร ฉะนั้นถ้าไม่ฝืนความรู้สึกเกินไปกับการกินก็ไม่น่าพลาดกับเมนูกุยช่ายผัดกับเนื้อสัตว์ ลูกพรุน ไม่ว่าพรุนสด พรุนเมล็ด หรือน้ำลูกพรุนสกัดแบบสำเร็จรูป เป็นทางเลือกหนึ่งในการกินแก้อาการท้องผูกที่ช่วยให้คุณแม่ขับถ่ายได้สะดวกยิ่งขึ้น เพราะผลไม้ประเภทนี้อุดมไปด้วยไฟเบอร์มีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อนๆ ค่ะ กล้วย ผลไม้ดีๆ ที่กินได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่มีให้เลือกหลายชนิดตามความชอบไม่ว่าจะเป็น กล้วยหอม กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ ที่สำคัญกินได้ทั้งปี ราคาไม่แพง ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายช่วยใช้ขับถ่ายสะดวก มะละกอสุก อีกหนึ่งผลไม้หากินง่ายราคาเบาๆ มากด้วยคุณค่าด้านโภชนาการไม่ว่าวิตามินบี1 บี2 และเบต้าแคโรทีน รวมถึงประโยชน์ทางยา แก้เรื่องท้องผูก เหมาะเป็นผลไม้มื้ออาหารว่างของแม่ท้องทีเดียว น้ำ นอกจากร่างกายมีความจำเป็นต้องได้รับน้ำอย่างพอเพียงเพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายโดยผ่านการดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ8 แก้ว การดื่มน้ำยังเป็นวิธีที่ช่วยให้ระดับขับถ่ายทำงานได้ดีเป็นปกติด้วยค่ะ ข้าวกล้อง บางครั้งก็เรียกว่าข้าวแดง ข้าวซ้อมมือ ข้าวอนามัย ที่มีความต่างทางสีสัน ด้านคุณค่าทางสารอาหารแบบข้าวหอม เพราะอุดมด้วยสารอาหารมีสรรพคุณเป็นยาอาหารสุภาพของใครหลายๆ […]

โยคะคุณแม่หลังคลอด

โยคะ ช่วยอะไรคุณแม่ได้บ้าง ช่วยให้เลือดไหวเวียนไปเลี้ยงร่างกายส่วนต่างๆ ช่วยให้การเคลื่อนไหวของข้อต่างๆ ดีขึ้น ช่วยผ่อนคลายความเครียด และผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ช่วยให้จิตใจสงบลงหรือเย็นลง ช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็ว รูปร่างและการทรงตัวดีขึ้น ช่วยรีดไขมันส่วนเกินได้เป็นอย่างดี ช่วยให้มีสมาธิในการทำงานดีขึ้น ช่วยให้มีสติในการทำสิ่งต่างๆ ดีขึ้น ลดอาการปวดหลัง ปวดเมื่อยจากการตั้งครรภ์ ช่วยลดอาการปวดประจำเดือน ชวนคุณแม่เริ่มฝึก 3 ท่าโยคะง่ายๆ ท่านอน นอนหงาย เปิดเท้าห่างกันพอควร แขนทั้งสองวางข้างตัว หงายฝ่ามือ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกส่วน เริ่มตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ปิดตาสบายๆ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อใบหน้า ทำใจให้ว่าง หายใจเข้า-ออก ผ่านช่องจมูกช้าๆ พิจารณาลมหายใจไปเรื่อยๆ ลมหายใจเข้า ท้องพอง  ลมหายใจออก ท้องแฟบ  ท่าไหว้พระอาทิตย์  ยืนแยกเท้า พนมมือ หายใจเข้า หายใจออก ยืดแขนทั้งสองไปข้างหน้า หายใจเข้า ยกแขนทั้งสองขึ้นเหนือศีรษะ แอ่นอก  เงยหน้า เมื่อแขนทั้งสองเหยียดตรงจะแนบหู หายใจออก ก้มตัว ปล่อยศีรษะและมือสบายๆ หายใจเข้า ยกแขนทั้งสองขึ้นเหนือศีรษะ แอ่นอก เงยหน้า แขนแนบหู หายใจออกวางแขนลงข้างตัว ท่าภูเขา ยืนตรงแยกเท้า ยืดตัวหลังตรง […]

คุณแม่หลังคลอดควรใส่ใจเรื่องใดบ้าง

แม้ลูกคือคนสำคัญที่สุดสำหรับแม่หลังคลอดทุกคน แต่ สิ่งที่แม่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กันคือ การดูแลตัวเองควบคู่ไปด้วยสิ่งที่คุณแม่หลังคลอดควรดูแลเป็นพิเศษมีดังนี้ 1.พักผ่อนให้มากที่สุดคุณแม่ควรพักผ่อนให้มากในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังคลอด โดยควรนอนพักผ่อนกลางคืนให้ได้ 6-8ชั่วโมง ส่วนหลังอาหารกลางวันก็ควรหาเวลาพักผ่อนให้ได้ประมาณ 30 นาที และภายใน 6 สัปดาห์หลังคลอดนี้คุณแม่ไม่ควรหยิบจับหรือยกสิ่งของหนักใดเลยทั้งสิ้น เพราะเป็นช่วงที่กล้ามเนื้อและมดลูกต้องกลับคืนสู่สภาพปกติ หากคุณแม่พักผ่อนน้อยหรือยกสิ่งของหนักก็อาจกระทบกระเทือนถึงอวัยวะภายในอุ้งเชิงกรานมดลูกได้   2.รับประทานอาหารที่ย่อยง่ายและมีประโยชน์ในช่วงที่ร่างกายคุณแม่กำลังฟื้นตัวคุณแม่ควรรับประทานอาหารจำพวกเนื้อ นม ไข่ ผักและผลไม้สด งดอาหารที่มีรสจัด ของหมักดองทุกชนิดและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ควรดื่มน้ำเปล่าให้มากๆเพื่อป้องกันอาการท้องผูก   3.รักษาความสะอาดของร่างกายคุณแม่สามารถอาบน้ำชำระล้างร่างกายได้ตั้งแต่ 12-14 ชั่วโมงหลังคลอด หมั่นเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สวมใส่เพราะหลังคลอดคุณแม่มักมีเหงื่อออกง่าย สำหรับคุณแม่ที่มีน้ำนมออกมาแล้วแนะนำให้เปลี่ยนเสื้อชั้นในบ่อยๆ หรืออาจใช้แผ่นซับน้ำนมก็สามารถช่วยได้เช่นกันค่ะ นอกจากนี้คุณแม่ควรคำนึงถึงการรักษาความสะอาดอวัยวะเพศให้เป็นอย่างดีทุกครั้งหลังการขับถ่าย เพราะในช่วงหลังคลอด น้ำคาวปลาจะถูกขับออกมาเยอะ ทุกครั้งที่คุณแม่ขับถ่ายเสร็จแล้วจึงควรทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นและหมั่นเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่มดลูกจนอาจก่อให้เกิดอาการอักเสบติดเชื้อได้   4.หมั่นดูแลเต้านมและหัวนมให้สะอาดเสมอทุกครั้งที่คุณแม่อาบน้ำควรทำความสะอาดหัวนมอยู่เสมอ สำหรับก่อนให้นมลูกคุณแม่ควรใช้สำลีชุบน้ำอุ่นเช็ดบริเวณเต้านมและรอบหัวนมให้สะอาด หลังจากให้นมลูกเสร็จแล้วคุณแม่ก็เช็ดหรือล้างทำความสะอาดอีกรอบค่ะ ในระหว่างที่คุณแม่ให้นมลูกถ้าหากหัวนมอักเสบหรือมีปัญหาจนไม่สามารถให้นมลูกได้คุณแม่ควรรีบไปพบแพทย์นะคะ   5.ดูแลแผลฝีเย็บหรือแผลผ่าตัดไม่ว่าคุณแม่จะคลอดด้วยวิธีธรรมชาติหรือผ่าคลอดก็ตาม การดูแลแผลหลังคลอดเป็นสิ่งสำคัญ คุณแม่ควรเน้นใส่ใจในเรื่องความสะอาดเพราะหากแผลติดเชื้อจากสิ่งสกปรกแล้วจะยิ่งทำให้แผลหายช้ามากขึ้น   6.งดมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลาอย่างน้อย6สัปดาห์สำหรับคุณแม่ที่คลอดโดยธรรมชาติ ควรงดการมีสัมพันธ์อย่างน้อย 6 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการฉีกขาดของแผล   7.หยุดกังวลกับประจำเดือนที่อาจมาช้าคุณแม่ส่วนใหญ่ที่ไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ประจำเดือนจะมาภายใน 5-6 สัปดาห์หลังคลอด ส่วนคุณแม่ที่ให้นมลูกประจำเดือนจะมาช้ากว่านั้นค่ะ ดังนั้น หากประจำเดือนมาช้าก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต่อให้ประจำเดือนยังไม่มาคุณแม่ก็มีสิทธิ์ตั้งครรภ์ได้ปกติเช่นกันหากไม่ได้คุมกำเนิดอย่างถูกต้อง 8.หลังคลอด1เดือนควรพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายโดยส่วนใหญ่หลังจากคุณแม่คลอดบุตรได้ 1 เดือนแล้ว คุณหมอจะนัดให้ไปตรวจร่างกายอีกครั้งเพื่อเช็คดูอวัยวะภายในของคุณแม่ว่ากลับคืนสู่สภาพปกติหรือยัง และเพื่อตรวจหามะเร็งปากมดลูกกับมะเร็งเต้านมไปพร้อมกันด้วยค่ะ อีกทั้งคุณหมอยังให้คำแนะนำด้านการคุมกำเนิดในหลังจากระยะนี้ต่อไปด้วย   9.ออกกำลังกายฟื้นฟูสุขภาพคุณแม่สามารถออกกำลังกายเบาๆ ในช่วงหลังคลอด 6 สัปดาห์เป็นต้นไป ช่วงแรกอาจจะเป็นการเดินหรือทำงานบ้านเบาๆ […]

10 กิจกรรมสนุกๆ เมื่อตั้งครรภ์

คุณแม่รู้ไหม? ในช่วงตั้งครรภ์นอกเหนือจากบทบาทว่าที่คุณแม่แล้ว ยังเป็นโอกาสดีที่คุณแม่จะได้สวมบทบาทสนุกๆ อีก 10 อย่างเพื่อการตั้งครรภ์อย่างมีคุณภาพและมีความสุข 1.นักออกกำลังกาย : สุขภาพ ที่แข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ ซึ่งการออกกำลังกายอย่างปลอดภัยสามารถทำได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 2 โดยต้องเป็นกีฬา หรือกิจกรรมที่ไม่ใช้แรงหรือมีการกระแทก เช่น การว่ายน้ำ เดิน เต้นแอโรบิกเบาๆ บริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ขี่จักรยาน อยู่กับที่ ควรหาโอกาสออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและไม่อ่อนแรงง่าย 2. นักสำรวจ : หมั่นสำรวจ และ สังเกตการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงภายนอก อย่างผิวพรรณ เส้นผม เล็บ เพื่อบำรุงอย่างถูกวิธี รวมถึงการเปลี่ยนแปลงภายใน อาการหรือความผิดปกติต่างๆ การดิ้น ของลูก โรคประจำตัว จดบันทึกการเปลี่ยนแปลง เพื่อจะได้นำไปถามคุณหมอเมื่อนัดตรวจครรภ์ หรือถ้ามีความผิดปกติที่ร้ายแรงจะได้รักษาได้ทันค่ะ 3. นักโภชนาการ : การพิถี พิถันเรื่องอาหารการกินเป็นเรื่องที่ทราบกันดี อยู่แล้ว ซึ่งการกินอาหารครบ 5หมู่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณแม่และช่วยเสริมสร้างความสมบูรณ์ของร่าง กายให้กับลูกในท้อง รวมถึงต้องกินอาหารที่ปรุงเสร็จใหม่ๆ หลีกเลี่ยงอาหารค้างคืนหรืออาหารสำเร็จรูปเพราะคุณค่าทางอาหารจะลดลง หากอยากกินน้ำอัดลม ชา กาแฟ หรือขนมต่างๆ ก็สามารถกินได้ให้พอหายอยาก ไม่ควรกินมากเกินไปเพราะจะทำให้อ้วนและยังมีสารต่างๆ จากส่วนผสมที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ร่างกายค่ะ 4. นักกิจกรรม : วันว่างอย่าลืม ผ่อนคลายด้วยกิจกรรมต่างๆ เช่น การรดน้ำต้นไม้อยู่ที่บ้าน ไปเดินผ่อนคลายเปิดหูเปิดตานอกบ้าน ฟังการเสวนาหรือเข้าอบรมเกี่ยวกับการตั้งครรภ์จะช่วยให้ได้รับความรู้และพัก ผ่อนในวันหยุด 5. […]

แม่เซเลบสุดสตรองใส่ “รองเท้าส้นสูง” อุ้มท้องออกงาน

คำถามที่พบบ่อย “คนท้องสามารถใส่รองเท้าส้นสูงได้รึเปล่า?” แต่แทบทุกครั้งที่มีภาพของดาราที่กำลังท้องใส่ส้นสูง ก็มักจะมีคนเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์และคอมเม้นกันไปในทางไม่ดีซะส่วนใหญ่ ซึ่งเราก็เข้าใจนะว่า อาจจะมีแฟนคลับหลายๆ คนที่เขาเป็นห่วง กลัวว่าจะมีอันตรายต่อเด็กในท้องอะไรก็ว่ากันไป เชื่อเถอะว่า การใส่รองเท้าส้นสูงไม่ได้ส่งผลเสียทางตรงต่อลูกในท้อง แต่ว่า “มันเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้คุณแม่หกล้มได้ง่ายขึ้น” และถึงตอนนั้นแหละที่จะส่งผลต่อลูกในท้องโดนตรง เพราะฉะนั้นถ้าคิดจะใส่ก็ควรระมัดระวังให้มาก ไม่ควรใส่ติดต่อกันเป็นเวลานาน” สำหรับคุณแม่ท้องที่จำเป็นต้องใส่เพื่อให้เกียรติกับงานนั้นๆ เรามี วิธีเลือกรองเท้าส้นสูงสำหรับคนท้องตามนี้เลยค่ะ…^^ 1. เลือกรองเท้าที่มีความสูงของส้นไม่ควรเกิน 2 นิ้ว เพราะถ้าสูงกว่านี้อาจจะเสี่ยงทำให้เท้าพลิกและตกส้นได้นั่นเอง 2. รองเท้าส้นสูงแบบทรงเตารีด หรือส้นหนาจะใส่สบายกว่าส้นเข็มและมีพื้นที่รับน้ำหนักเยอะกว่า ความเสี่ยงที่จะล้มก็น้อยกว่าค่ะ 3. เลือกรองเท้าที่ระบายอากาศได้ดี เช่น รองเท้าที่เปลือยโปร่งเพื่อความสบายเท้า 4. น้ำหนักเบา และนุ่ม เพื่อช่วยรองรับแรงกระแทก พื้นรองเท้าควรเป็นยางที่ยึดเกาะพื้นได้ดี 5. เลือกรองเท้าที่ถอดง่าย และสวมใส่ง่าย ไม่แนะนำแบบที่มีสายรัด …ใครบ้าง??? ที่เป็นคุณแม่สุดสตรอง แม้ท้องโตแต่เมื่อออกงานก็มั่นได้กับรองเท้าส้นสูงโดยที่ไม่เป็นอุปสรรค… กุ๊บกิ๊บ – สุมณทิพย์ เหลืองอุทัย ล่าสุดที่โดยหลายคอมเม้นเข้ามาต่อว่าสาวกุ๊บกิ๊บใส่ส้นสูงทั้งๆ ที่ท้องก็ไม่เล็กแล้ว แต่สามีสุดหล่ออย่างหนุ่มบี้ก็เข้ามาแก้ข่าวโดยให้เหตุผลว่า ตอนนี้ภรรยาสาวก็ใส่รองเท้าส้นสูงน้อยลง แต่ที่เห็นในรูปนั่นก็เพราะต้องไปออกงาน เดินพรมแดงซึ่งถือเป็นการให้เกียรติงานนั่นเอง ลิเดีย – ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา นักร้องสาวเสียงดีอย่างสาวลิเดียที่ตอนนี้กลายเป็นไอดอลของคุณแม่หลายๆ คนไปแล้ว […]

นวัตกรรมใหม่ รถเข็นเด็ก Aprica กับเบาะรองนอน Silky Air

เส้นไหมทอละเอียด Silky Air นวัตกรรมใหม่จาก Aprica ที่มีในรถเข็นเด็ก รุ่น Luxuna Light และรุ่น Luxuna CTS Silky Air เส้นไหมทอละเอียดนุ่มเบาสบายระบายอากาศได้ดี มีความยืดหยุ่นลดภาระการเคลื่อนย้ายตัวของเด็ก Silky Air เป็นการผสมกันกับไหมและเส้นไฟเบอร์เรียงยาวละเอียดให้ความยืดหยุ่นเบาสบาย เมื่อเทียบกับผ้าคอตตอนแบบเก่าที่ผสมกับฟองน้ำที่มีความยืดหยุ่นต่ำระบายอากาศได้ไม่ดี มาเลือกความเบาสบายให้ลูกของคุณกับ Silky Air กับคุณสมบัติพิเศษ 3 ข้อ ดังนี้   1. เบาะรองนั่งสามารถระบายอากาศได้เป็นอย่างดี ช่วยเพิ่มการระบายความชื้นมากขึ้นอีก 10%  เพราะ Silky Air เป็นวัสดุที่สามารถระบายอากาศได้อย่างดีเยี่ยม  การระบายความชื้นได้ดีเป็นตัวบ่งบอกว่าความร้อนไม่สามารถก่อตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ประสิทธิภาพในการระบายความชื้นขึ้นอยู่กับความแตกต่างลักษณะรูปร่างของเด็กด้วย    2. สัมผัสที่อ่อนนุ่ม ผลิตจากวัสดุที่อ่อนนุ่มและสามารถระบายอากาศได้ดีให้ความรู้สึกเบาสบายเมื่อสัมผัสกับผิวที่บอบบางของทารก     3. สามารถทำความสะอาดด้วยเครื่องซักผ้า เบาะรองนั่งสามารถถอดออกและนำไปซักในเครื่องซักผ้าได้อย่างง่ายดายจึงทำให้คงความสะอาดตลอดเวลา ตั้งค่าอุณหภูมิน้ำให้ต่ำกว่า 30 องศา และใช้โหมดความเร็วต่ำในการทำความสะอาดหรือซัก ใช้น้ำยาซักผ้าสูตรอ่อนโยนต่อผิวเด็กและตากให้แห้งเองโดยธรรมชาติ   สรุป ด้วยคุณสมบัติที่ดีเยี่ยมกับนวัตกรรมใหม่ ของ Silky Air ทั้ง  3 ประการ จึงนำมาใช้กับรถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Luxuna Light และรุ่น Luxuna […]