กำจัดเชื้อโรคในบ้านง่ายๆ แค่มีน้ำประปากับเกลือ และเครื่อง Blue water

สวัสดีค่ะ วันนี้แม่กับหมูดาริณมากันอีกแล้วค่ะ วันนี้มารีวิวผลิตภัณฑ์สุขภาพที่น่าสนใจอีกตัวนึงค่ะ คือ “Blue water เครื่องผลิตน้ำเกลือฆ่าเชื้อธรรมชาติ”ของ Prince and Princess แบรนด์นี้แม่ก็ใช้เครื่องอบ UV ขวดนม และ ของใช้ให้หมูดาริณนะคะ คราวนี้เค้ามีไอเท็มฆ่าเชื้อที่ใช้ได้กว้างขึ้นก็ต้องถอยมาลองสักนิดค่ะ เมื่อปีที่แล้ว แม่เคยดูคลิปของเกาหลีมาอยู่ค่ะ มันจะมีเครื่องผลิตน้ำฆ่าเชื้อ แต่ไม่รู้ว่าแบรนด์อะไร ก็ปล่อยผ่านๆไป เพราะเห็นเพื่อนๆแชร์กันในเฟสบุ๊ค และตอนนั้นหมูดาริณยังไม่กำเนิดค่ะ ไม่ได้แคร์ความสะอาดเท่าไร ฝุ่น เฝิ่นอะไรไม่เคยสน แต่พอมีหมูดา เราก็กลัวลูกจะเป็นภูมิแพ้ กลัวจะเป็นหอบหืด ก็เลยเริ่มหาเครื่องมือช่วยค่ะ ทั้งซื้อเครื่องฟอกอากาศ จ้างบริษัทกำจัดไรฝุ่น และต่างๆนานาแทบจะสาธยายไม่หมด และเมื่อเดือนก่อนก็ไปเจอโฆษณาเครื่อง Blue water ที่เพจของPrince and Princess นี่ล่ะค่ะ เลยชอบมาก ต้องมีเลยค่ะ จัดมาด่วนๆ ที่ชอบคือ เรามีเครื่อง กับเกลือบริสุทธิ์ที่ได้จากร้านของเขาก็สามารถผลิตสเปรย์ฆ่าเชื้อในบ้านได้แล้ว แต่จริงๆทำได้มากกว่านั้นอีกค่ะ แต่ที่สนใจเบื้องต้นคือ ฆ่าเชื้อในบ้าน และของใช้ชิ้นใหญ่ๆที่ลูกต้องเล่น และคลุกคลีอยู่เป็นประจำ เช่น เบาะนอน โซฟา คอกกั้น […]

junji’s Story รีวิวสเปยร์ฆ่าเชื้อของเล่น เช็ดแผ่นรองคลานลูก

เมื่อมีลูกน้อยความสะอาดเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจและพิถีพิถันมากขึ้น (จริงๆแม้ไม่มีลูก ก็ต้องสะอาดเนอะ) หลักการลดการแพร่เชื้อทั่วๆไปคือ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” ช่วงนี้ต้องเน้นเป็นพิเศษเลยค่ะ หน้าฝน อากาศชื้น อึมครึม ฝนปรอยตลอดเวลา…เด็กๆป่วยกันเยอะมาก รวมถึงผู้ใหญ่เองก็ป่วยกันเยอะมากเช่นกันค่ะ ส่วนใหญ่เชื้อโรคที่ระบาดก็หนีไม่พ้นไวรัสและแบคทีเรีย เดิมทีหมอเองใช้การล้างมือด้วยสบู่บ่อยๆ ล้างมือก่อนและหลังสัมผัสคนไข้ พอกลับบ้านมาก็ต้องอาบน้ำก่อนอุ้มลูกด้วยทุกครั้งค่ะ และก็ต้องล้างมือบ่อยๆ จนบางครั้งมือแห้งมาก ก็หันมาใช้แอลกอฮอล์เจลแทน แต่ติดตรงไม่ค่อยชอบกลิ่น….เลยพยายามมองหาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เป็นตัวช่วยในการป้องกันโรคและดูแลความสะอาดของบ้านเราค่ะ และแล้วเราก็หากันจนเจอ วันนี้หมอเลยจะมารีวิว_Blue_water เครื่องผลิตน้ำเกลือฆ่าเชื้อธรรมชาติ เอ…เครื่องนี้เป็นยังไงนะ ตามมาดูรายละเอียดคร่าวๆกันเลยค่ะ Blue water  มีประโยชน์อะไรบ้างนะคะ หมอใช้เป็น spray ล้างมือ เช็ดมือทำความสะอาดของเล่นให้น้องจุน ใช้ล้างผักผลไม้ก่อนทำอาหาร ใช้ทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน ที่น้องจุนชอบจับ ชอบปีน ชอบกัด ใช้ถูพื้นบ้านหรือเบาะรองคลานแทนน้ำยาถูพื้นค่ะ มันใจให้น้องจุนคลานเกลือกกลิ้งได้มากขึ้น ฉีดสเปรย์ blue water ในห้องนอน ในรถ เพราะการใช้น้ำอิเล็กโทรไลต์ ในการฉีดฆ่าเชื้อโรคในอากาศ หรือบริเวณที่อยู่อาศัย จะช่วยทำให้สภาพแวดล้อมโดยรอบปราศจากแบคทีเรียและไวรัสอาจที่ก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจได้เช่นกันค้าา Blue water ตอบโจทย์คนรักสุขภาพมากๆค่ะ Oganic 100% ไม่มีสารเคมีหรือสารกันเสียเพื่อยืดอายุการใช้งาน […]

ไขข้อข้องใจ การอยู่ไฟ – ไม่อยู่ไฟ คุณแม่หลังคลอด ช่วยให้หุ่นคุณแม่กลับมาเป๊ะเร็วขึ้น

เพราะความสวย หุ่นดี เป็นสิ่งที่คู่ควรกับผู้หญิงอย่างเราอยู่เสมอ… การเป็นคุณแม่ นอกจากต้องเสียสละ ความเป็นส่วนตัวไปแล้ว ยังต้องเสียสละการมีหุ่นที่สวยเป๊ะ เหมือนสาววัยแรกแย้มอีก เพราะต้องยอมรับก่อนเลยว่าการตั้งครรภ์นี่หุ่นของคุณแม่จะพังแน่นอน และยิ่งขณะตั้งครรภ์ไม่ดูแลรูปร่างตัวเอง น้ำหนักขึ้นมาเยอะอีกหล่ะก็ไม่ต้องพูดถึง หลังคลอดคุณแม่ต้องมานั่งกลุ้มใจเรื่องหุ่นแน่ๆ แต่สุดท้ายแล้วทุกปัญหามีทางออก ถ้าคุณแม่ให้ลูกกินนมแม่น้ำหนักก็จะลดเร็ว และยิ่งได้อยู่ไฟหลังคลอด ตามคำบอกเล่าโบราณอีก ก็พอทำให้หุ่นคุณแม่กลับมาเป๊ะเหมือนเดิมแน่นอน แถมบางคนยังมีผิวพรรณสดใสกว่าตอนก่อนตั้งครรภ์อีก…งานนี้แม่ๆ อยากจะรู้จักวิธีการอยู่ไฟแล้วใช่ไหม มันดียังไงกันนะ??? “อยู่ไฟ” หลังคลอด คงเป็นคำที่คุณแม่ทั้งหลายครุ่นคิดอยู่ในสมองว่า เราควรจะอยู่ไฟหลังคลอดดีไหม อยู่แล้วดีอย่างไร และควรทำที่ไหน วันนี้เราจะมาไขคำตอบคุณแม่ให้หายสงสัยกัน เพราะร่างกายของคุณแม่หลังคลอดจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแทบจะทุกระบบ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่ว่าจะเป็นผมร่วง เกิดจากฮอร์โมนในร่างกายลดลงอย่างรวดเร็ว หน้าอกขยายขึ้น เพราะมีการสร้างน้ำนมขึ้นมา ไปจนถึงมดลูกขยายตัวมาก ซึ่งเป็นปัญหาหลักของคุณแม่หลังคลอด การอยู่ไฟ เป็นการฟื้นฟูสุขภาพอีกรูปแบบหนึ่งสำหรับแม่หลังคลอด ซึ่งในสมัยก่อนยังไม่มียาปฏิชีวนะ ไม่มียาหยุดเลือด ไม่มียากระตุ้นน้ำนม การอยู่ไฟสมัยก่อนจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้าให้กลับคืนสภาพปกติ แต่ในปัจจุบัน การอยู่ไฟถูกลดบทบาทลง ถ้าไม่อยู่ไฟในปัจจุบัน ถือว่าไม่อันตรายเพราะมียาครบครันกว่าสมัยก่อน ดังนั้นการอยู่ไฟจำเป็นต้องได้รับการปฏิบัติอย่างถูกต้องและเหมาะสม จึงจะช่วยฟื้นฟูสุขภาพหลังคลอดให้กลับคืนสู่สภาวะปกติได้โดยเร็ว ประโยชน์ที่ได้จากการอยู่ไฟ คือร่างกายคุณแม่จะฟื้นตัวเร็ว รูปร่างจะกลับมาดีขึ้น, น้ำหนักตัวลดลง, น้ำนมไหลดีขึ้น, เลือดไหลเวียนดี มีเลือดฝาด, ผิวพรรณผ่องใส, […]

คุณแม่พร้อมรับมือ หากตรวจพบภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์

เพราะความเป็นแม่มันอยู่ในสายเลือด เมื่อรู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่ในท้องอีกหนึ่งชีวิต เราก็ต้องดูแลครรภ์นี้ให้ดีที่สุด เพราะผู้หญิงทุกคนก็อยากตั้งครรภ์ โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน แต่ถ้าเมื่อระหว่างทาง จู่ๆ คุณหมอก็ตรวจพบว่า ครรภ์นี้เกิดภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ขึ้นมา แล้วงานนี้ว่าที่คุณแม่มือใหม่อย่างเราๆ จะมีวิธีรับมืออย่างไร ควรจะควบคุมอาหารยังไง งานนี้เรามีคำตอบ ภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์คือ ความผิดปกติของระดับน้ำตาลในเลือดที่ตรวจพบขณะตั้งครรภ์ เนื่องจากฮอร์โมนที่รกผลิตออกมามีผลต่อประสิทธิภาพของอินซูลิน (ฮอร์โมนที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด) ของแม่ โดยปกติตับอ่อนจะผลิตอินซูลินออกมาแต่ในกรณีนี้ตับอ่อนไม่ผลิตอินซูลินเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลเลยทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์สามารถเกิดขึ้นได้ทุกระยะการตั้งครรภ์ แต่โดยทั่วไปมักเกิดขึ้นในช่วงเวลาครึ่งหลังของการตั้งครรภ์ บางคนอาจพบภาวะนี้ในช่วง 20 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ โดยภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์มักไม่ก่อให้เกิดอาการใด ๆ ส่วนใหญ่คุณหมอ จะตรวจพบภาวะดังกล่าวได้จากการตรวจระดับน้ำตาลในเลือด แต่คุณแม่ตั้งครรภ์บางราย อาจมีอาการกระหายน้ำ ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ ปากแห้ง และรู้สึกเหนื่อยหากมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งบางอาการค่อนข้างคล้ายคลึงกับอาการของคนตั้งครรภ์ ดังนั้น ควรปรึกษาคุณหมอหากมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับอาการที่เผชิญอยู่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ รวมทั้งอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้ หากคุณแม่ตั้งครรภ์พบว่ามีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์แล้ว จำเป็นต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเพื่อสุขภาพที่ดีต่อตนเองและลูกในครรภ์ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาอีกด้วย แนวทางในการรักษาภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ได้แก่ 1. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด คุณหมออาจให้เราตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด 4-5 ครั้ง/วัน ในช่วงเวลาก่อนรับประทานอาหารเช้าและหลังมื้ออาหารทุกมื้อ เพื่อตรวจดูว่าระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือไม่ โดยเจาะเลือดที่ปลายนิ้วแล้วหยดเลือดลงบนแถบทดสอบ จากนั้นอ่านค่าด้วยเครื่องวัดระดับน้ำตาล ซึ่งจะแสดงระดับน้ำตาลในเลือดที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลา 2. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ […]

กันไว้ดีกว่าแก้ 13 สิ่งที่คุณแม่ตั้งครรภ์ ไม่ควรกิน

เมื่อรู้ว่าตัวเองก้าวเข้าสู่สถานะคุณแม่ตั้งครรภ์เต็มตัวแล้ว สิ่งแรกที่บรรดาแม่ๆ ทั้งหลายแอบกังวลอยู่ไม่น้อย คงจะหนีไม่พ้นเรื่องอาหารการกิน ที่เป็นเรื่องใกล้ตัวเรามากที่สุด เพราะจากประสบการณ์ตรงของการเป็นคุณแม่ตั้งครรภ์แล้ว บรรดาเพื่อนสนิท คนใกล้ชิด มักจะวนเวียนมาถามว่า คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรกินอะไร หรือสามารถกินอะไรได้บ้าง ยิ่งถ้าไม่มีอาการแพ้ท้อง ถือว่าโชคดีสองชั้น อยากกินทุกอย่างที่ขวางหน้าแน่นอน หรือแพ้ท้องแล้วก็ดันอยากจะกินอาหารที่ไม่ควรกินอีก เพราะโน้นก็อร่อย นี่ก็ของชอบ ไม่รู้ว่ากินเข้าไปแล้วจะมีผลกระทบต่อเจ้าตัวน้อยในครรภ์รึเปล่า วันนี้คุณแม่เลยอยากจะแนะนำอาหารคุณแม่ตั้งครรภ์ท้องใหม่ไม่ควรรับประทานให้ฟังว่า 1. อาหารที่มีรสจัด คุณแม่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัดมากๆ เพราะระบบย่อยอาหารจะผิดปกติไปจากเดิม การกินอาหารรสจัดๆ ไม่ว่าจะเผ็ดจัด เค็มจัด หวานจัด เปรี้ยวจัด จะทำให้มีโอกาสปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ นำไปสู่อาหารเป็นพิษได้ง่าย 2. อาหารที่ก่อโรคไหลย้อน ในช่วงตั้งครรภ์ โอกาสที่คุณแม่จะเป็นโรคกรดไหลย้อนเกิดขึ้นได้ง่าย ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดกรดไหลย้อนโดยเฉพาะ อาหารทอด, อาหารจำพวกแป้งที่ต้องอุ่นซ้ำ, อาหารที่มีรสจัด, ชา, กาแฟ, น้ำอัดลม, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, ชีส รวมถึงยาบางชนิด เช่น ยาขยายหลอดลม เป็นต้น 3. อาหารที่กินแล้วท้องผูก ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่า อาการท้องผูกกลายเป็นของคู่กันของคุณแม่ตั้งครรภ์ไปแล้ว ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดริดสีดวงทวารได้ง่าย คุณแม่จึงควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ย่อยยาก […]

เมื่อรู้ตัวว่าจะเป็นคุณแม่ ทำไมอายุครรภ์ถึงสำคัญ

อายุครรภ์คืออะไรกันนะ? เมื่อตั้งท้อง สิ่งหนึ่งที่เป็นคำถามยอดฮิตเลยก็คือ “ท้องกี่เดือน” หรือ “คลอดเมื่อไหร่” การที่เราจะตอบคำถามพวกนี้ได้นั้นเราจะต้องทราบอายุครรภ์ของเราก่อนค่ะ พูดง่าย ๆ อายุครรภ์ก็คือระยะเวลาที่ลูกของเราได้อยู่ในท้องของเรามา แต่ถ้าหากจะพูดให้ดูมีหลักการหน่อยแล้ว อายุครรภ์ก็คือระยะเวลาที่นับตั้งแต่วันแรกของรอบเดือนล่าสุดของเรามาจนถึงปัจจุบัน โดยทั่วไปแล้วนั้น อายุครรภ์ที่นับจนถึงกำหนดคลอดควรจะเท่ากับ 40 สัปดาห์โดยประมาณค่ะ เราจะรู้อายุครรภ์ของเราได้อย่างไร? การตรวจภายในโดยวัดขนาดของมดลูก ฟังดูน่ากลัวนิดนึงใช่มั้ยคะ วิธีนี้สามารถกะอายุครรภ์โดยประมาณของคุณแม่ได้ แต่ก็ไม่ได้แม่นยำเท่าไหร่หรอกนะ เพราะว่าเด็กแต่ละคนตัวใหญ่เล็กไม่เท่ากัน อาจมีคลาดเคลื่อนบ้าง การอัลตราซาวด์ วิธีการตรวจแบบนี้จะตรวจได้เมื่อตอนอายุครรภ์สัก 5-6 สัปดาห์ขึ้นไป ส่วนถ้าอยากได้ผลแม่น ๆ หน่อยก็อาจจะมาตรวจช่วง 8-18 สัปดาห์ก็ได้นะ สำหรับวิธีนี้คุณหมอก็จะใช้วิธีการวัดขนาดของมดลูกเช่นกัน แต่จะเป็นการวัดผ่านการทำอัลตราซาวด์ แม้จะไม่ได้ตรงเป๊ะแบบ 100% แต่ก็ไม่คลาดเคลื่อนมากค่ะ การนับรอบเดือน การนับรอบเดือนจะสามารถใช้ได้กับคุณแม่ที่มีรอบเดือนแบบมาสม่ำเสมอ ตรงกันทุกเดือน สามารถนับได้โดยการนับจากวันแรกของการมีประจำเดือนครั้งล่าสุด ให้ถือว่าวันนั้นเป็นวันแรกของการตั้งครรภ์ค่ะ วันนี้คุณแม่ไปพบคุณหมอครั้งแรก คุณหมอจะประเมินวันคลอดคร่าว ๆ ด้วยการนับรอบเดือนแบบนี้แหละ เพราะงั้นทางที่ดี เราควรจะจดรอบเดือนของเราทุกเดือนนะ   เราทราบอายุครรภ์กันเพื่ออะไร? การทราบอายุครรภ์นั้นมีประโยชน์แน่นอนค่ะ อย่างแรกคือเราก็จะทราบได้ว่าเราจะคลอดเมื่อไหร่หรือประมาณช่วงไหน จะได้เตรียมตัวได้ถูก ส่วนประโยชน์อื่น ๆ […]

9 อาหารบำรุงครรภ์ที่คุณแม่ต้องห้ามพลาด

เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ ที่เมื่อรู้ตัวว่าตั้งครรภ์แล้วคุณแม่จะรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับอาหารการกิน ก็เพราะทุกอย่างที่คุณแม่ทานเข้าไปจะมีผลต่อลูกน้อยในท้องโดยตรงนี่เนอะ ของบางอย่างที่คุณแม่ทานเป็นปกติทุกวันอาจจะไม่ได้ปลอดภัยอีกต่อไป ส่วนของบางอย่างที่เจอทีไรก็ต้องเบ้ปากอาจจะมีประโยชน์มากกว่าก็ได้ อาหารการกินนั้นเป็นเรื่องสำคัญเพราะจะมีผลต่อน้ำหนักและความครบถ้วนสมบูรณ์ของร่างกาย รวมถึงสมองของลูกน้อย แต่เราควรจะเลือกรับประทานอาหารแบบไหนดีล่ะ แล้วขนาดไหนถึงจะเรียกว่าพอดี ลองมาดูกัน! 1. โฟเลต โฟเลตหรือกรดโฟลิกเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับคุณแม่มาก ๆ เลยล่ะค่ะ โดยปกติแล้วสาว ๆ บ้านไหนที่เตรียมตัวจะเป็นคุณแม่ คุณหมอก็จะแนะนำให้ซื้อโฟเลตมาทานเพื่อเตรียมตัวไว้ตั้งแต่ยังไม่ท้องเลย เพราะเจ้าตัวโฟเลตนี้เป็นสารอาหารสำคัญที่ร่างกายจะนำมาใช้ในการสร้างระบบประสาท เซลล์สมอง และไขสันหลังของทารกในครรภ์ ถ้ารับสารอาหารตัวนี้เข้าไปไม่เพียงพอแล้วล่ะก็ อาจจะส่งผลให้ทารกมีความพิการทางสมองได้ค่ะ ส่วนคุณแม่บ้านไหนที่ไม่ได้เตรียมตัวตั้งแต่ก่อนท้องก็ไม่ต้องกลัวนะ ยังไงคุณหมอก็จะสั่งโฟเลตให้ทานทุกวันเพื่อบำรุงอยู่แล้ว บำรุงตอนท้องก็ไม่ได้สายเกินไปค่ะ อีกอย่างอาหารหลาย ๆ อย่างที่เรารับประทานกันในชีวิตประจำวันก็มีโฟเลตอยู่บ้างค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ผักใบเขียวเข้มอย่างคะน้า ไข่แดง ตับ ฟักทอง แครอท ฯลฯ ที่สำคัญคือคุณแม่ควรจะทานโฟเลตให้ได้วันละ 400-800 ไมโครกรัมกันนะคะ 2. เนื้อสัตว์ต่าง ๆ ส่วนใหญ่แล้วเนื้อสัตว์ที่มีประโยชน์สำหรับคนท้องจะเป็นจำพวกเนื้อแดงอย่าง “เนื้อวัว” เพราะว่าอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ช่วยเรื่องโลหิตจางของคุณแม่ได้ แล้วก็เป็นสารอาหารที่สำคัญต่อทารกเช่นกัน แต่เนื้อวัวที่คุณแม่ทานควรจะเป็นแบบไร้มัน หรือมันน้อยที่สุดนะคะ เพราะการที่คุณแม่ทานมันเข้าไปมาก ๆ ก็อาจทำให้คลื่นไส้หรือท้องอืดได้นะ เนื้อไก่นี่ก็เป็นอะไรที่แนะนำ เพราะมีโปรตีนสูงและจะช่วยเรื่องน้ำหนักของลูกน้อยด้วยค่ะ […]

เตียงนอนเด็กแรกเกิดสำคัญหรือไม่ ? รวมสารพัดเรื่องของเตียงนอนเด็ก พร้อมยี่ห้อยอดฮิตที่เหล่าแม่ ๆ แนะนำ !

การเตรียมตัวสำหรับเด็กแรกเกิดนั้นมีสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องเตรียมพร้อมอยู่หลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นคาร์ซีท เป้อุ้มเด็ก รถเข็นเด็ก เปลนอน ขวดนม ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ของใช้ประจำตัวลูก ฯลฯ และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ เตียงนอนเด็กแรกเกิดซึ่งจำเป็นสำหรับลูกน้อยมาก ๆ ปัจจุบันมีคำแนะนำว่าควรมีเตียงนอนแยกจากเตียงพ่อแม่ โดยสามารถตั้งไว้ข้างๆ เตียงของพ่อแม่ได้ แต่ไม่ควรอุ้มทารกมานอนเตียงเดียวกับเรา เพื่อป้องกันการนอนทับลูกขณะหลับ ทั้งยังช่วยป้องกันลูกตื่นเวลาที่เราเผลอพลิกตัว ทำให้ลูกได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ เตียงนอนสำหรับเด็กมีกี่แบบ จะเลือกอย่างไรดี มียี่ห้อไหนน่าใช้บ้าง BabyGift มีข้อมูลมาฝากแล้วค่ะ  เตียงนอนเด็กแรกเกิดจำเป็นหรือไม่ นอนกับพ่อแม่ได้หรือเปล่า ?  เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หลายๆ คนอาจเกิดความสัยขึ้นมาว่า เตียงนอนเด็กแรกเกิดนั้นมีความจำเป็นหรือไม่ สามารถให้ลูกนอนเตียงเดียวกับเราได้หรือเปล่า ? ปัจจุบันมีคำแนะนำว่าไม่ควรให้เด็กทารกนอนเตียงเดียวกับพ่อแม่ เพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายกับลูก ข้อมูลจาก สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล  กล่าวไว้ว่า เด็กมีโอกาสเสียชีวิตจากการถูกทับโดยพ่อแม่จนขาดอากาศหายใจและเสียชีวิต เช่น ในคุณพ่อคุณแม่บางคนที่หลับลึก นอนหลับสนิทมาก หรือรับประทานยาบางชนิดที่ทำให้หลับลึก เช่น ยาแก้หวัด หรือยาชนิดอื่น ๆ ที่ทำให้หลับสนิทก็อาจเผลอพลิกตัวนอนทับลูกโดยไม่รู้ตัวจนทำให้ลูกขาดอากาศหายใจได้ หรือผ้าห่มของผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักอาจไปคลุมศีรษะเด็ก ทำให้หายใจไม่สะดวก หรือมีโอกาสที่ลูกจะถูกหมอนทับหน้าทำให้ขาดอากาศหายใจได้เช่นกัน แม้กระทั่งคุณพ่อคุณแม่นอนดิ้นและอาจเบียดลูกตกเตียงได้ ดังนั้นแล้ว […]

Baby Gift สำรวจศูนย์วิจัยที่ญี่ปุ่น เจาะลึกนวัตกรรมคาร์ซีท เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของลูกน้อย

ปัจจุบันคุณพ่อคุณแม่หลายครอบครัวให้ความสำคัญกับ “คาร์ซีท” หรือ เบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก เป็นอุปกรณ์จำเป็นเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกน้อยในขณะที่เดินทางด้วยรถยนต์กันเป็นจำนวนมาก โดยล่าสุด นางสาวอรุณศรี พิริยเลิศศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบบี้ กิ๊ฟ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้รับเกียรติเข้าเยี่ยมชม “Aprica Central Research Center” ที่เมืองนารา ประเทศญี่ปุ่น และแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้เชี่ยวชาญด้านคาร์ซีท เจาะลึกถึงแนวคิดการออกแบบที่สอดคล้องกับสรีระของเด็กในแต่ละช่วงวัย การเลือกสรรวัสดุที่ปลอดภัย และขั้นตอนการผลิตที่ได้มาตรฐาน รวมไปถึงวิธีทดสอบคาร์ซีทในห้องปฎิบัติการด้านความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลก อะปริก้า (Aprica) ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.  2490 โดยทีมกุมารแพทย์จากประเทศญี่ปุ่น ด้วยความห่วงใยและใส่ใจเกี่ยวกับเด็กทารก เพราะถือว่าเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเด็ก จึงได้ช่วยกันคิดค้นและวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นอย่างพิถีพิถัน โดยมีเป้าหมายคือการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเด็กและพ่อแม่ ด้วยความเชี่ยวชาญและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องกว่า 70 ปี อะปริก้า จึงได้รับการยอมรับและไว้วางใจอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น และอะปริก้ายังได้รับเกียรติให้เป็นผู้จัดทำรถเข็นและผลิตภัณฑ์เด็กรุ่นพิเศษ ภายใต้ชื่อ Royal Knot เพื่อทูลเกล้าถวายแด่ราชวงศ์ในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงเชื้อพระวงศ์ในอีกหลายประเทศทั่วโลก Aprica Central Research Center เป็นศูนย์กลางวิจัยเกี่ยวกับการคิดค้นผลิตภัณฑ์เด็กตั้งอยู่ในเมืองนาราประเทศญี่ปุ่นด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 10,000 ล้านเยน เพื่อเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมประวัติความเป็นมาของแบรนด์อะปริก้า แนวคิดปรัญชาการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก รวมทั้งเทคโนโลยีนวัตกรรมที่ทันสมัย โดยเฉพาะด้าน Childcare Engineering […]

ทำไมต้องคาร์ซีท??

หลังจากที่ได้เห็นข่าวที่เกี่ยวกับลูกน้อย วัยกำลังเริ่มแสบซน เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเกี่ยวกับรถที่ผู้ปกครองขับ ไม่ว่าเค้าจะชนเรา หรือเราจะชนอะไรก็ตาม มีความเสี่ยงไปหมดดดดดด คาร์ซีท หรือเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก เป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็กและทารก เพราะคาร์ซีทช่วยลดความเสี่ยงการเสียชีวิตและการบาดเจ็บร้ายแรงอื่น ๆ จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ ความเสี่ยงในที่นี้ คือ เจ้าตัวน้อยของเราสามารถกระเด็น พุ่งหลุดออกจากอ้อมอกอ้อมกอดเราได้ทุกเมื่อ เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ทุกเวลา ต่อให้ระวังแค่ไหนก็เกิดขึ้นได้ หากเด็กไม่ได้อยู่ในระบบยึดเหนี่ยวภายในรถอย่างเหมาะสมและเหตุนี้หลากหลายประเทศถึงมีกฎหมายออกมาเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ที่เดินทางโดยใช้รถ จำเป็นต้องติดตั้งคาร์ซีท ก่อนจะได้ออกจากโรงพยาบาล อ้อมกอดของคุณจะปลอดภัยไปทุกครั้ง เพราะเด็กน้อย จำเป็นต้องมีคาร์ซีท การเลือกคาร์ซีทให้ลูกน้อย มีมาฝากเพียง 5 ข้อ คือ 1. มาตรฐานความปลอดภัย2. เข็มขัดนิรภัย 5 จุด3. ความใหม่ของผลิตภัณฑ์4. ราคา5. ความเหมาะสมกับรถยนต์ อย่างไรก็ตาม ความสำคัญของคาร์ซีทก็มีมากมาย หากไปดูหลายๆ เคสหรือหลายๆ ข่าว ก็จะมีให้เราผู้เป็นพ่อเป็นแม่เห็น ครั้งต่อไปจะมาเล่าเรื่องฝึกการนั่งคาร์ซีทให้กับลูกน้อยให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ได้ลองศึกษาดูนะคะ ขอขอบคุณบทความจาก : monkeykids